เทวรูปเทพเจ้าเฮลิออส
เป็นรูปของเทพเจ้าเฮลิออส หรือ อพอลโล สูงถึง 105 ฟุต หรือ 32 เมตร
ละหนักถึง 295 ตัน
หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในท่ายืน ตัวเทวรูปตั้งอยู่บนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าว
องค์เทวรูปยืนถ่างคร่อมปากอ่าว ให้เรือลอดไปมาได้
มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่บนอกทำให้เรือที่แล่นออกจากอียิปต์มองเห็นได้ชัดเจน
ประวัติความเป็นมาของรูปปั้นมหึมานี้ ย้อนกลับไปเมื่อสองพันกว่าปีก่อน ในปี
357 ก่อน ค.ศ. เกาะโรดส์
(Rhodes - ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศกรีซ)
ซึ่งเป็นอีกเมืองท่าสำคัญในยุคนั้น ถูกยึดครองโดย Mausolus
แห่ง Halicarnassus (ผู้ที่หลุมศพของพระองค์กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคต้นนั่นเอง)
จนถึงปี 332 ก่อน ค.ศ. ก็กลายเป็นของ Alexander มหาราช
จนเมื่อสิ้นยุคของพระองค์ อำนาจเหนืออาณาจักรทั้งหลายก็ตกอยู่ในมือของ Ptolemy, Seleucus และ Antigous ชาวเกาะโรดส์ได้ตัดสินใจ
ร่วมรบกับพระเจ้าปโตเลมีแห่งอียิปต์ ทำให้ Antigous ไม่พอใจ จึงส่ง
Demetrius ลูกชายพร้อมกองทหาร 40,000 คน (ซึ่งมากกว่าประชากรชาวโรคส์ทั้งหมดเสียอีก)
มาโอบล้อมเกาะเอาไว้เพื่อสั่งสอน แต่จนแล้วจนรอด กองทหารของ Demetrius กลับไม่สามารถตีฝ่ากำแพงอันแน่นหนาของโรดส์ได้ เกิดการปะทะกันอยู่เกือบปีจนในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้กลับไป
เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งใหญ่และเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการหลุดพ้นจากชาว
แมซีโดเนีย
ชาวโรดส์จึงตั้งใจจะสร้างเทวรูปของเทพเจ้า Helios
(หรืออพอลโล
เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์) โดยมอบให้
ปฏิมากรผู้หนึ่งซึ่งได้ร่วมรบในสงครามครั้งนี้
ชื่อว่า ชาเรส (Chares) แห่ง ลินดัส (Lindos) เป็นสถาปนิกผู้ดำเนินการสร้าง
รูปปั้นนี้มีชื่อว่า โคลอสซัส หล่อขึ้นมาจากโลหะต่าง ๆ
ที่เหลือจากการสงครามและที่ชาวแมซีเนียนทิ้งไว้ ชาเรสทำงานหนักตลอดเวลา 12 ปี ทุ่มเทให้กับรูปปั้นนี้ แต่มีเรื่องเล่าว่า Chares ไม่สามารถอยู่ทันได้ดูงานของเขาเสร็จสมบูรณ์
ขณะที่เขาเกือบจะเสร็จงานชิ้นเอกนี้ ก็พบว่ามีการคำนวณสัดส่วนผิดไป เขาผิดหวังมากถึงกับปลิดชีพตัวเอง
แต่กระนั้นก็ไม่มีหลักฐานใดมายืนยันเรื่องเล่าเหล่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น